บทที่ 1 ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์กราฟิก
1.1 ความหมายคอมพิวเตอร์กราฟิก
คอมพิวเตอร์กราฟิก หมายถึง การสร้างภาพ การตกแต่งแก้ไข หรือการจัดการเกี่ยวกับรูปภาพ โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในการจัดการ เช่น การตกแต่งแก้ไขภาพคนแก่ให้มีวัยที่เด็กขึ้น การสร้างภาพตามจินตนาการ การสร้างภาพเหมือน การลอกลาย และการใช้ภาพกราฟิกในการนำเสนอข้อมูลในด้านต่างๆ เพื่อให้สามารถสื่อความหมายได้ตรงตามที่ผู้สื่อสารต้องการ และดึงดูดให้น่าสนใจยิ่งขึ้นด้วยกราฟ แผนภูมิ แผนภาพ (ทิพาภรณ์ ประดู่. 2549:3)
คอมพิวเตอร์กราฟิก หมายถึง การสร้าง และการจัดการกับภาพกราฟิกโดยใช้คอมพิวเตอร์
ซึ่งการพัฒนาคอมพิวเตอร์กราฟิกเริ่มต้นเป็นเทคนิคอย่างหนึ่งในการแสดงข้อมูลตัวเลข จำนวนมาก ๆ ให้อยู่ในรูปที่ชัดเจนกว่าเดิม และทำความเข้าใจได้ง่าย เช่น ข้อมูลอาจแสดงได้ในรูปของเส้นกราฟแผนภาพ และแผนภูมิแทนที่จะเป็นตารางของตัวเลข จากนั้นใช้ภาพกราฟิกแสดงผลแทนข้อมูล หรือข่าวสารที่ยุ่งยากก็มีการพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันมีการใช้ภาพกราฟิกประยุกต์ใช้ในงานทุก ๆ ด้านไม่ว่าด้านธุรกิจ โรงงานอุตสาหกรรม งานศิลปะ การบันเทิง งานโฆษณาสินค้า การศึกษา การวิจัย การฝึกอบรม และงานทางการแพทย์จนเห็นได้ชัดเจนว่าคอมพิวเตอร์กราฟิกนั้นมีการให้ความสำคัญ เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยออกแบบกราฟิกได้อย่างรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องอาศัยเครื่องมือจำนวนมาก อีกทั้งผู้ออกแบบสามารถดูผลงานการออกแบบก่อนได้ทันที การนำกราฟิกเข้ามาใช้สื่อสารสามารถสร้างความเข้าใจในงานด้านต่างๆ ภายในองค์กรให้เข้าใจได้ง่ายถูกต้อง และชัดเจนยิ่งขึ้น (www.polytech.ac.th)
คอมพิวเตอร์กราฟิก หมายถึง การสร้างภาพ การตกแต่งแก้ไข หรือการจัดการเกี่ยวกับรูปภาพ
โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในการจัดการ เช่น การทำ Image Retouching ภาพคนแก่ให้มีวัยที่เด็กขึ้น การสร้างภาพตามจินตนาการ และการใช้ภาพกราฟิกในการนำเสนอข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้สามารถสื่อความหมายได้ตรงตามที่ผู้สื่อสารต้องการ และน่าสนใจยิ่งขึ้นด้วยกราฟ แผนภูมิ แผนภาพ เป็นต้น (http://krujuek.tp2p.com/node/7)
สรุปคอมพิวเตอร์กราฟิก หมายถึง การสร้าง การตกแต่งแก้ไขภาพ โดยใช้คอมพิวตอร์ในการจัดการกับภาพ เช่น การตกแต่งภาพคนแก่ให้มีวัยสาว หรือสร้างภาพตามจินตนาการต่างให้กับภาพ เพื่อนำภาพประกอบการเสนอข้อมูลต่าง ๆ เพื่อใช้ในการสื่อความหมายให้ชัดเจนตรงตามที่ผู้สื่อสารต้องการ และน่าสนใจด้วยภาพกราฟิก
1.2 ประเภทของภาพกราฟิก
ประเภทของภาพกราฟิก เช่น ภาพถ่าย รูปวาด หรือภาพที่เกิดจากการสร้างจากโปรแกรมสำเร็จรูป แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
1.2.1 ภาพกราฟิกประเภท 2 มิติ เป็นภาพที่พบเห็นโดยทั่วไป เช่น ภาพถ่าย รูปวาด สัญลักษณ์ การ์ตูนต่าง ๆ ในโทรทัศน์ เช่น ชินจัง โดเรม่อน
1.2.2 ภาพกราฟิกประเภท 3 มิติ เป็นภาพกราฟิกที่สร้างจากโปรแกรมสร้างภาพ 3 มิติ เช่น 3D max Maya ทำให้ได้ภาพมีสีและแสงเงาเหมือนจริง เหมาะสำหรับการออกแบบและสถาปัตยกรรม เช่น การผลิตรถยนต์ และภาพยนตร์การ์ตูน 3 มิติ
1.3 คุณค่าและความสำคัญของงานกราฟิก
งานกราฟิกเป็นการสื่อสารด้วยศิลปะระหว่างผู้สร้าง กับผู้รับ (ผู้ดู ผู้เห็น) ดังนั้นงานกราฟิกจึงมีคุณค่าและความสำคัญดังนี้
1. สร้างระบบการเรียนรู้ สร้างแนวคิดใหม่ ๆ เชิงสร้างสรรค์ และเป็นสื่อกลางในการ
สื่อความหมาย
2. สร้างความเร้าใจ น่าสนใจ ประทับใจ และความเชื่อถือได้ของผลงาน
3. สร้างความคิดสร้างสรรค์รูปแบบใหม่ โดยการประยุกต์ความคิดจากผลงานเดิม
4. ช่วยสรุปความคิด จินตนาการออกมาเป็นข้อมูลที่สื่อสารได้ง่าย
5. สร้างระบบการถ่ายทอดที่มีความเด่นชัด แปลความหมายได้รวดเร็ว
6. สร้างความเจริญก้าวหน้าให้ธุรกิจ สร้างอาชีพและรายได้ในสังคม
7. สร้างค่านิยมทางความคิดที่งดงาม ได้แนวคิดที่ดี
1.4 ภาพกราฟิกที่ใช้กับคอมพิวเตอร์
ภาพที่เกิดบนจอคอมพิวเตอร์ (Monitor) เกิดจากการทำงานของโหมดสีแบบ RGB Color ซึ่งประกอบด้วย สีแดง (Red) สีเขียว (Green) และสีน้ำเงิน (Blue) โดยใช้หลักการยิงประจุไฟฟ้าให้เกิดการเปล่งแสงของสีทั้ง 3 สี มาผสมกันทำให้เกิดเป็นจุดสีเล็กๆ ที่เรียกว่า พิกเซล (Pixel) โดยพิกเซลจะมีหลากหลายสี เมื่อนำมาวางต่อกันจะเกิดเป็นรูปภาพ ซึ่งภาพที่ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ มี 2 แบบ คือ
1.4.1 ภาพกราฟิกแบบแรสเตอร์ (Raster) หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า แบบบิตแมท (Bitmap) เป็นภาพกราฟิกที่เกิดจากการเรียงตัวของจุดสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ หลากหลายสี ที่เรียกว่า พิกเซล (คล้าย ๆ กับการปักผ้าครอสติก) ประกอบกันจนเป็นภาพขนาดใหญ่ โดยเม็ดสีแต่ละเม็ดจะมีค่าสีแตกต่างกันไป ภาพกราฟิกแบบแรสเตอร์จะต้องกำหนดจำนวนพิกเซลให้กับภาพ ภาพที่มีจำนวนเม็ดสีมาก ๆ ภาพจะมีความละเอียดมาก สวยคมชัด ภาพที่มีจำนวนเม็ดสีน้อย เม็ดสีที่ประกอบเป็นภาพจะเรียงกันแบบห่าง ๆ และมองเห็นเม็ดสีในภาพแต่ละเม็ด ทำให้ภาพนั้นมีความหยาบ การกำหนดจำนวนพิกเซลบอกถึงความละเอียดของภาพ ดังนั้นหากภาพถูกกำหนดให้มีความละเอียด 1,200 ppi (ความละเอียด 1,200 เม็ดสีต่อตารางนิ้ว) จำนวนพิกเซลควรกำหนดให้เหมาะสมกับงานที่สร้าง เช่น ภาพสำหรับเว็บไซต์ เป็นภาพที่มีความละเอียดน้อยไฟล์ภาพควรกำหนดจำนวนพิกเซล ประมาณ 72 ppi เพื่อความสะดวกในการนำภาพอัพโหลด (Upload)ไฟล์ขึ้นเซิร์ฟเวอร์ ( Server) ได้รวดเร็ว ส่วนภาพสำหรับนิตยสาร ปกหนังสือ โปสเตอร์ขนาดใหญ่ และงานแบบพิมพ์กำหนดจำนวนพิกเซลประมาณ 300-350 ppi เนื่องจากต้องการภาพที่มีความละเอียดมาก ทำให้ภาพสวยสมจริง (ทิพาภรณ์ ประดู่. 2549:4)
คุณลักษณะของไฟล์ภาพกราฟิกแบบแรสเตอร์ เป็นไฟล์ภาพกราฟิกที่มีคุณลักษณะนามสกุลที่แตกต่างกันตามรูปแบบการสร้างภาพจากโปรแกรมสำเร็จรูปต่างๆ ดังนี้
นามสกุล
ที่ใช้เก็บไฟล์
ไฟล์ภาพกราฟิกที่ติดตั้งโปรแกรม ACD see
ลักษณะงาน
ซอฟต์แวร์
ที่ใช้สร้าง
.JPG, .JPEG, .JPE
.GIF
ใช้สำหรับรูปภาพทั่วไป เหมาะกับงานที่ไม่ต้องการความละเอียดสีไม่มาก งานเว็บเพจ และงานที่มีความจำกัดในด้านพื้นที่หน่วยความจำ
Photoshop
Paint ShopPro Illustrator
.TIFF, .TIF
เหมาะสำหรับงานด้านนิตยสาร
ปกหนังสือ เพราะมีความละเอียดของภาพสูง
Photoshop
.BMP, .DIB
ไฟล์มาตรฐานของระบบปฏิบัติการวินโดวส์
Paint ShopPro
Paint
.PCX
เป็นไฟล์ดั้งเดิมของโปรแกรมแก้ไขภาพแบบบิตแมป ไม่มีโมเดลเกรย์
สเกล ใช้กับภาพทั่วไป
CorelDraw, Illustrator, Paintbrush
.PNG
เป็นไฟล์ที่รวมเอาคุณสมบัติของไฟล์นามสกุล GIF และJPEG เข้าด้วยกัน สามารถบีบอัดไฟล์ภาพให้เล็กลงได้มากกว่า GIF ถึง 30% แต่ก็ยังแสดงสีได้เหมือนกับ JPEG นอกจากนี้ยังบันทึกไฟล์แบบพื้นหลังทะลุ(Transparency)
Photoshop
1.4.2 ภาพกราฟิกแบบเวคเตอร์ (Vector) ภาพกราฟิกเวกเตอร์ (Vector Graphics) เป็นภาพที่สร้างด้วยส่วนประกอบของเส้นลักษณะต่างๆ และคุณสมบัติเกี่ยวกับสีของเส้นนั้น ๆ ซึ่งสร้างจากการคำนวณทางคณิตศาสตร์ เช่น ภาพถ่ายของคน จะถูกสร้างด้วยจุดของเส้นหลายๆ จุด เป็นลักษณะของโครงร่าง (Outline) และสีของคนก็เกิดจากสีของเส้นโครงร่างนั้น ๆ กับพื้นที่ผิวภายใน เมื่อมีการแก้ไขภาพก็จะเป็นการแก้ไขคุณสมบัติของเส้นทำให้ภาพไม่สูญเสียความละเอียด ไฟล์ภาพมีขนาดไฟล์เล็กแต่อุปกรณ์ที่ใช้แสดงผลภาพ เช่น จอภาพคอมพิวเตอร์ หรือเครื่องพิมพ์ จะเป็นการแสดงผลภาพแบบเวคเตอร์ นิยมใช้เพื่องานสถาปัตยกรรมตกแต่งภายใน และด้านการออกแบบต่างๆ เช่น การออกแบบรถยนต์ การออกแบบอาคาร การสร้างการ์ตูน ซึ่งโปรแกรมที่นิยมใช้สร้างภาพกราฟิกแบบเวคเตอร์ เช่น โปรแกรม Illustrator CorelDraw 3Ds และMax ภาพกราฟิกแบบเวคเตอร์เมื่อปรับขยายใหญ่ขึ้นความละเอียดของภาพคงเดิมดังภาพ (http://krujuek.tp2p.com)
คุณลักษณะของไฟล์ภาพกราฟิกแบบเวคเตอร์ การเก็บไฟล์ภาพกราฟิกแบบเวคเตอร์ มีหลายนามสกุล โดยผู้ใช้สามารถกำหนดได้ตามรูปแบบที่โปรแกรมกำหนด เช่น .EPS .WMF .CDR .AI .CGM .DRW .PLT ,DXF .PIC และ .PGL เป็นต้น ซึ่งลักษณะของไฟล์ภาพจะแตกต่างกันออกไป ดังนี้
นามสกุล
ที่ใช้เก็บไฟล์
คุณลักษณะของแฟ้ม
ภาพกราฟิกที่ติดตั้งโปรแกรม ACD see
ลักษณะงาน
ตัวอย่างซอฟต์แวร์
ที่ใช้สร้าง
.AI
.EPS
- ใช้สำหรับงานที่ต้องการความละเอียดของภาพมาก เช่น การสร้างการ์ตูน การสร้างโลโก้ และโปสเตอร์ขนาดใหญ่
- โปรแกรมที่ใช้สร้าง Illustrator
.WMF
- เป็นไฟล์มาตรฐานของโปรแกรม Microsoft Office
- โปรแกรมที่ใช้สร้างคือ CorelDraw
ตารางที่ 1.2 แสดงคุณลักษณะของไฟล์ภาพกราฟิกแบบเวคเตอร์
ที่มา : http://krujuek.tp2p.com/node/21
1.4 ความแตกต่างของกราฟิกแบบแรสเตอร์ กับแบบเวคเตอร์
ภาพกราฟิกแบบแรสเตอร์
ภาพกราฟิกแบบเวคเตอร์
1. เป็นภาพกราฟิกที่เกิดจากจุดสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ หลากหลายสี ที่เรียกว่า พิกเซล มาเรียงต่อกันจนเป็นรูปภาพ
1. ภาพถูกสร้างด้วยจุดของเส้นหลายๆ จุด เป็นลักษณะของโครงร่าง (Outline) และสีของภาพก็เกิดจากสีของเส้นโครงร่างนั้น ๆ กับพื้นที่ผิวภายใน
2. การขยายภาพให้มีขนาดใหญ่ขึ้น จะทำให้ความละเอียดของภาพลดลง จึงมองเห็นภาพเป็นจุดสี่เหลี่ยมเล็กๆ มีความหยาบ
2. เมื่อมีการแก้ไขภาพก็จะเป็นการแก้ไขคุณสมบัติของเส้นทำให้ภาพไม่สูญเสียความละเอียด ภาพจะยังคงมีความละเอียดชัดเจนเหมือนเดิม
3. การตกแต่งและแก้ไขภาพ สามารถทำได้ง่ายและสวยงาม เช่น การปรับสีผิวหน้า และผิวกายให้ขาวเนียนขึ้น
3. เหมาะกับงานออกแบบต่าง ๆ เช่น
งานสถาปัตย์ ออกแบบโลโก้ เป็นต้น
4. การประมวลผลภาพสามารถทำได้รวดเร็ว
4. การประมวลผลภาพจะใช้เวลานาน เนื่องจากใช้คำสั่งในการทำงานมาก
ตารางที่ 1.2 แสดงความแตกต่างของกราฟิกแบบแรสเตอร์ กับแบบเวคเตอร์
ที่มา : (ทิพาภรณ์ ประดู่. 2549:6)
1.5 หลักการใช้สีและแสงในคอมพิวเตอร์
จอภาพคอมพิวเตอร์สามารถแสดงผลของภาพในรูปแบบสีต่างๆ ซึ่งแบ่งหลักการใช้สีและแสดงในคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานด้านกราฟิกทั่วไปเป็นโหมด (Mode) สี 4 แบบ คือ
1.5.1 โหมดสีแบบ RGB Color
1.5.2 โหมดสีแบบ CMYK Color
1.5.3 โหมดสีแบบ HSB Color
1.5.4 โหมดสีแบบ LAB Color
1.5.1 โหมดสีแบบ RGB Color คือ โหมดสีปกติของภาพที่ใช้งานในโปรแกรมโฟโต้ช้อป ซึ่งภาพเหล่านี้ได้มาจากกล้องดิจิตอลเป็นส่วนใหญ่ ภาพที่มีโหมด RGB ประกอบด้วย แม่สี 3 สี คือ สีแดง (Red) สีเขียว (Green) และสีน้ำเงิน (Blue) เมื่อนำสีดังกล่าวมาผสมกันทำให้เกิดเป็นสีต่าง ๆ บนจอภาพคอมพิวเตอร์มากถึง 16.7 ล้านสี ซึ่งใกล้เคียงกับสีที่ตามนุษย์มองเห็นปกติ สีที่ได้จากการผสมสีนั้นขึ้นอยู่กับความเข้มของสี โดยถ้าสีมีความเข้มข้นมากเมื่อนำมาผสมกันจะทำให้เกิดเป็นสีขาว จึงเรียกระบบสีนี้ว่า การผสมสีแบบบวก ดังภาพ (ทิพพาภรณ์ ประดู่. 2549 : 7)
1.5.2 โหมดสีแบบ CMYK Color คือ ระบบสีที่ใช้กับเครื่องพิมพ์ที่พิมพ์ออกทางกระดาษหรือวัสดุผิวเรียบอื่น ๆ โดยภาพที่กำหนดโหมดสีแบบ CMYK จะมีสีค่อนข้างทึบเมื่อแสดงบนจอภาพ แต่เมื่อพิมพ์ออกทางเครื่องพิมพ์จะมีสีที่สดใสสวยงาม โหมดสี CMYK ประกอบด้วยสีหลัก 4 สี คือ สีฟ้า (Cyan) สีดำ (Black) สีม่วงแดง (Magenta) และสีเหลือง (Yellow) เมื่อนำมาผสมกันจะเกิดสีเป็นสีดำแต่จะไม่ดำสนิท เนื่องจากหมึกพิมพ์มีความไม่บริสุทธิ์จึงเป็นการผสมสีแบบลบ (Subtractive) หลักการเกิดสีของระบบนี้คือ หมึกสีหนึ่งจะดูดกลืนแสงจากสีหนึ่งแล้วสะท้อนกลับออกมาเป็นสีต่างๆ เช่น สีฟ้าดูดกลืนแสงของสีม่วงแล้วสะท้อนออกมาเป็นสีน้ำเงิน จะสังเกตเห็นได้ว่าสีที่สะท้อนออกมาจะเป็นสีหลักของโหมดสีแบบ RGB การเกิดสีนี้ แบบสีจึงตรงข้ามกับการเกิดสีในแบบ RGB (ทิพพาภรณ์ ประดู่ . 2549 : 7) ดังภาพ
1.5.3 โหมดสีแบบ HSB Color สีส่วนใหญ่ที่มองเห็นจะมีระดับความเข้มข้นที่แตกต่างกัน ซึ่งสายตามนุษย์สามารถแยกออกได้ เป็น 3 ลักษณะ คือ
Hue คือสีต่าง ๆ ที่สะท้อนออกมาจากวัตถุแล้วเข้าสู่สายตามนุษย์ ซึ่งมักเรียกสีตามชื่อสี เช่น สีเขียว สีแดง สีเหลือง เป็นต้น
Saturation คือค่าความสดของสี โดยค่าความสดของสีจะเริ่มที่ 0 ถึง 100 ถ้ากำหนด
Saturation ที่ 0 สีจะมีความสดน้อย แต่ถ้ากำหนดที่ 100 สีจะมีความสดมาก
Brightness คือระดับค่าความสว่างของสี โดยค่าความสว่างของสีจะเริ่มที่ 0 ถึง 100
ถ้ากำหนดที่ 0 ความสว่างจะน้อยซึ่งจะเป็นสีดำ แต่ถ้ากำหนดที่ 100 สีจะมีความสว่างมากที่สุด
1.5.4 โหมดสีแบบ LAB Color โหมดสีแบบ Lab Color เป็นโหมดสีที่มีช่วงความกว้างในการแสดงสีได้สูงที่สุดเทียบเท่ากับสีดวงตาของมนุษย์สามารถรับได้ โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ
“L” หรือ Luminance เป็นการกำหนดค่าความสว่าง ซึ่งมีค่าตั้งแต่ 1 ถึง 100
ถ้ากำหนดที่ 0 จะกลายเป็นสีดำ แต่ถ้ากำหนดที่ 100 จะกลายเป็นสีขาว
“A” เป็นค่าของสีที่ไล่จากสีเขียวไปสีแดง
“B” เป็นค่าของสีที่ไล่จากสีน้ำเงินไปสีเหลือง (ทิพพาภรณ์ ประดู่. 2549 : 7-8)
1.6 ระบบคอมพิวเตอร์สำหรับงานกราฟิกทั่วไป
ระบบคอมพิวเตอร์สำหรับงานกราฟิกนั้นต้องการอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อการประมวลผลรวดเร็วระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งควรจะมีลักษณะ (specification) ดังนี้
1.6.1 หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit : CPU) ที่ทำงานรวดเร็ว เนื่องจากโปรแกรมกราฟิกต้องการการคำนวณจำนวนมาก หน่วยประมวลผลกลางที่ประมวลผลรวดเร็วจะทำให้การตอบสนองคำสั่งเป็นไปอย่างรวดเร็ว
1.6.2 หน่วยความจำที่มีความจุมาก โปรแกรมสำเร็จรูปด้านกราฟิกประมวลผลกับข้อมูลจำนวมาก จึงควรเลือกอุปกรณ์หน่วยความจำที่มีความจุมาก ถ้าอุปกรณ์หน่วยความจำมีความจุน้อยเกินไปทำให้โปรแกรมประมวลผลการทำงานช้า หรือไม่ประมวลผลเลย เนื่องจากหน่วยความจำไม่เพียงพอต่อการประมวลผลข้อมูล
1.6.3 แผงวงจรแสดงผลที่มีประสิทธิภาพ และมีหน่วยความจำจำนวนมาก เพื่อการมองเห็นเสมือนจริงมากที่สุดต้องเลือกแผงวงจรแสดงผลที่มีประสิทธิภาพ และมีหน่วยความจำจำนวนมากพอเนื่องจากอุปกรณ์แสดงผลทางจอภาพมีความละเอียดสูงจะแสดงจำนวนสีมาก และสามารถแสดงภาพได้ทุกรายละเอียดสีของภาพ
1.6.4 จอภาพที่มีความคมชัด และมีความละเอียดสูง จอภาพที่มีคุณภาพสามารถแสดงภาพ
ทางจอภาพได้ความคมชัดสมจริง และสั่นไหวน้อย หรือไม่สั่นไหว ซึ่งจะช่วยรักษาสุขภาพทางตาของผู้ใช้งาน (เกียรติพงษ์ บุญจิตร. 2552 :14)
1.8 คอมพิวเตอร์กราฟิกกับการประยุกต์ใช้ในงานด้านต่าง ๆ
คอมพิวเตอร์กราฟิกในปัจจุบันมีการพัฒนาทางด้านการใช้เทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว และมีการนำคอมพิวเตอร์มาพัฒนาในเรื่องของการสื่อสารให้มีสีสันสวยงาม สมจริงเสมือนการจำลองเหตุการณ์ เพื่อดึงดูดสายตาผู้พบเห็น หรือเพื่อการแข่งขันการแสดงสินค้า ซึ่งแบ่งภาพกราฟิกตามลักษณะการใช้งานในแต่ละด้านได้ดังนี้ (ทิพาภรณ์ ประดู่. 2549:10)
1.8.1 กราฟิกด้านการออกแบบ คอมพิวเตอร์กราฟิกได้ถูกนำมาใช้ในการออกแบบมาเป็น
เวลานาน เราคงจะเคยได้ยินคำว่า CAD (Computer - Aided Design) ซึ่งเป็นโปรแกรมสำหรับช่วยในการออกแบบทางวิศวกรรม โปรแกรมเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ออกแบบ หรือวิศวกรออกแบบงานต่างๆ ได้สะดวกขึ้น กล่าวคือ ผู้ออกแบบสามารถเขียนเป็นแบบลายเส้นแล้วลงสี แสงเงา เพื่อให้ดูคล้ายกับของจริงได้ และผู้ออกแบบสามารถกำหนดขนาดของวัตถุลงในระบบ CAD โดยสามารถย่อ หรือขยายภาพ หมุนภาพไปในมุมต่างๆ การแก้ไขแบบก็ทำได้ง่าย และสะดวกกว่าการออกแบบบนกระดาษ
1.8.2 กราฟิกกับงานด้านโฆษณา ปัจจุบันในการโฆษณาสินค้าต่างๆ ได้นำภาพกราฟิกเข้าช่วยในการโฆษณา เพื่อเพิ่มความน่าสนใจของสินค้าต่อผู้บริโภค เช่น ภาพสำหรับการโฆษณา เราสามารถทำให้ภาพที่เห็นเหมือนภาพถ่ายนั้น แปลกออกไปจากเดิมได้ โดยมีภาพบางอย่างเพิ่มเข้าไปในภาพ หรือบางส่วนของภาพนั้นหายไป ทำให้เกิดภาพที่ไม่น่าจะเป็นจริงแต่ดูเหมือนกับเกิดขึ้นจริงเช่น การนำการ์ตูนมาโฆษณาขายสินค้าสำหรับเด็ก, ป้ายโฆษณาโทรศัพท์, ป้ายโฆษณารถยนต์ และป้ายหน้าร้านค้าตามแหล่งชุมชนต่าง ๆ
1.8.3 กราฟิกกับงานด้านการนำเสนอ เป็นการสื่อสารด้วยศิลปะระหว่าง ผู้สร้าง กับ ผู้รับ (ผู้ดู ผู้เห็น) ดังนั้นภาพกราฟิก จึงเข้ามาช่วยเพิ่มความเข้าใจให้กับผู้รับสาร เพื่อให้เข้าใจง่ายมากยิ่งขึ้น เช่น แผนภาพแสดงการเงิน สถิติ และข้อมูลทางเศรษฐกิจ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริหาร หรือผู้จัดการกิจการต่างๆ มากขึ้น เนื่องจากสามารถทำความเข้าใจกับข้อมูลได้ง่าย และรวดเร็วกว่าเดิม โดยในกลุ่มงานการวิจัยต่างๆ เช่น การศึกษาทางฟิสิกส์ กราฟ และแผนภาพมีส่วนช่วยให้นักวิจัยทำความเข้าใจกับข้อมูลได้ง่ายขึ้น เมื่อข้อมูลที่ต้องวิเคราะห์มีจำนวนมาก
1.8.4 คอมพิวเตอร์กราฟิกกับงานด้านเว็บเพจ ธุรกิจเกี่ยวกับการสร้างเว็บเพจให้กับบริษัทหรือหน่วยงานต่างๆ ได้นำคอมพิวเตอร์กราฟิกเข้ามาช่วยในการสร้างเว็บเพจ เพื่อให้เว็บเพจมีความสวยงาม และสร้างภาพเคลื่อนไหว เพิ่มความน่าสนใจมากขึ้น
1.1 ความหมายคอมพิวเตอร์กราฟิก
คอมพิวเตอร์กราฟิก หมายถึง การสร้างภาพ การตกแต่งแก้ไข หรือการจัดการเกี่ยวกับรูปภาพ โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในการจัดการ เช่น การตกแต่งแก้ไขภาพคนแก่ให้มีวัยที่เด็กขึ้น การสร้างภาพตามจินตนาการ การสร้างภาพเหมือน การลอกลาย และการใช้ภาพกราฟิกในการนำเสนอข้อมูลในด้านต่างๆ เพื่อให้สามารถสื่อความหมายได้ตรงตามที่ผู้สื่อสารต้องการ และดึงดูดให้น่าสนใจยิ่งขึ้นด้วยกราฟ แผนภูมิ แผนภาพ (ทิพาภรณ์ ประดู่. 2549:3)
คอมพิวเตอร์กราฟิก หมายถึง การสร้าง และการจัดการกับภาพกราฟิกโดยใช้คอมพิวเตอร์
ซึ่งการพัฒนาคอมพิวเตอร์กราฟิกเริ่มต้นเป็นเทคนิคอย่างหนึ่งในการแสดงข้อมูลตัวเลข จำนวนมาก ๆ ให้อยู่ในรูปที่ชัดเจนกว่าเดิม และทำความเข้าใจได้ง่าย เช่น ข้อมูลอาจแสดงได้ในรูปของเส้นกราฟแผนภาพ และแผนภูมิแทนที่จะเป็นตารางของตัวเลข จากนั้นใช้ภาพกราฟิกแสดงผลแทนข้อมูล หรือข่าวสารที่ยุ่งยากก็มีการพัฒนามากขึ้นเรื่อยๆ ปัจจุบันมีการใช้ภาพกราฟิกประยุกต์ใช้ในงานทุก ๆ ด้านไม่ว่าด้านธุรกิจ โรงงานอุตสาหกรรม งานศิลปะ การบันเทิง งานโฆษณาสินค้า การศึกษา การวิจัย การฝึกอบรม และงานทางการแพทย์จนเห็นได้ชัดเจนว่าคอมพิวเตอร์กราฟิกนั้นมีการให้ความสำคัญ เนื่องจากเป็นเครื่องมือที่สามารถช่วยออกแบบกราฟิกได้อย่างรวดเร็ว ไม่จำเป็นต้องอาศัยเครื่องมือจำนวนมาก อีกทั้งผู้ออกแบบสามารถดูผลงานการออกแบบก่อนได้ทันที การนำกราฟิกเข้ามาใช้สื่อสารสามารถสร้างความเข้าใจในงานด้านต่างๆ ภายในองค์กรให้เข้าใจได้ง่ายถูกต้อง และชัดเจนยิ่งขึ้น (www.polytech.ac.th)
คอมพิวเตอร์กราฟิก หมายถึง การสร้างภาพ การตกแต่งแก้ไข หรือการจัดการเกี่ยวกับรูปภาพ
โดยใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ในการจัดการ เช่น การทำ Image Retouching ภาพคนแก่ให้มีวัยที่เด็กขึ้น การสร้างภาพตามจินตนาการ และการใช้ภาพกราฟิกในการนำเสนอข้อมูลต่าง ๆ เพื่อให้สามารถสื่อความหมายได้ตรงตามที่ผู้สื่อสารต้องการ และน่าสนใจยิ่งขึ้นด้วยกราฟ แผนภูมิ แผนภาพ เป็นต้น (http://krujuek.tp2p.com/node/7)
สรุปคอมพิวเตอร์กราฟิก หมายถึง การสร้าง การตกแต่งแก้ไขภาพ โดยใช้คอมพิวตอร์ในการจัดการกับภาพ เช่น การตกแต่งภาพคนแก่ให้มีวัยสาว หรือสร้างภาพตามจินตนาการต่างให้กับภาพ เพื่อนำภาพประกอบการเสนอข้อมูลต่าง ๆ เพื่อใช้ในการสื่อความหมายให้ชัดเจนตรงตามที่ผู้สื่อสารต้องการ และน่าสนใจด้วยภาพกราฟิก
1.2 ประเภทของภาพกราฟิก
ประเภทของภาพกราฟิก เช่น ภาพถ่าย รูปวาด หรือภาพที่เกิดจากการสร้างจากโปรแกรมสำเร็จรูป แบ่งออกเป็น 2 ประเภท ดังนี้
1.2.1 ภาพกราฟิกประเภท 2 มิติ เป็นภาพที่พบเห็นโดยทั่วไป เช่น ภาพถ่าย รูปวาด สัญลักษณ์ การ์ตูนต่าง ๆ ในโทรทัศน์ เช่น ชินจัง โดเรม่อน
1.2.2 ภาพกราฟิกประเภท 3 มิติ เป็นภาพกราฟิกที่สร้างจากโปรแกรมสร้างภาพ 3 มิติ เช่น 3D max Maya ทำให้ได้ภาพมีสีและแสงเงาเหมือนจริง เหมาะสำหรับการออกแบบและสถาปัตยกรรม เช่น การผลิตรถยนต์ และภาพยนตร์การ์ตูน 3 มิติ
1.3 คุณค่าและความสำคัญของงานกราฟิก
งานกราฟิกเป็นการสื่อสารด้วยศิลปะระหว่างผู้สร้าง กับผู้รับ (ผู้ดู ผู้เห็น) ดังนั้นงานกราฟิกจึงมีคุณค่าและความสำคัญดังนี้
1. สร้างระบบการเรียนรู้ สร้างแนวคิดใหม่ ๆ เชิงสร้างสรรค์ และเป็นสื่อกลางในการ
สื่อความหมาย
2. สร้างความเร้าใจ น่าสนใจ ประทับใจ และความเชื่อถือได้ของผลงาน
3. สร้างความคิดสร้างสรรค์รูปแบบใหม่ โดยการประยุกต์ความคิดจากผลงานเดิม
4. ช่วยสรุปความคิด จินตนาการออกมาเป็นข้อมูลที่สื่อสารได้ง่าย
5. สร้างระบบการถ่ายทอดที่มีความเด่นชัด แปลความหมายได้รวดเร็ว
6. สร้างความเจริญก้าวหน้าให้ธุรกิจ สร้างอาชีพและรายได้ในสังคม
7. สร้างค่านิยมทางความคิดที่งดงาม ได้แนวคิดที่ดี
1.4 ภาพกราฟิกที่ใช้กับคอมพิวเตอร์
ภาพที่เกิดบนจอคอมพิวเตอร์ (Monitor) เกิดจากการทำงานของโหมดสีแบบ RGB Color ซึ่งประกอบด้วย สีแดง (Red) สีเขียว (Green) และสีน้ำเงิน (Blue) โดยใช้หลักการยิงประจุไฟฟ้าให้เกิดการเปล่งแสงของสีทั้ง 3 สี มาผสมกันทำให้เกิดเป็นจุดสีเล็กๆ ที่เรียกว่า พิกเซล (Pixel) โดยพิกเซลจะมีหลากหลายสี เมื่อนำมาวางต่อกันจะเกิดเป็นรูปภาพ ซึ่งภาพที่ใช้กับเครื่องคอมพิวเตอร์ มี 2 แบบ คือ
1.4.1 ภาพกราฟิกแบบแรสเตอร์ (Raster) หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า แบบบิตแมท (Bitmap) เป็นภาพกราฟิกที่เกิดจากการเรียงตัวของจุดสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ หลากหลายสี ที่เรียกว่า พิกเซล (คล้าย ๆ กับการปักผ้าครอสติก) ประกอบกันจนเป็นภาพขนาดใหญ่ โดยเม็ดสีแต่ละเม็ดจะมีค่าสีแตกต่างกันไป ภาพกราฟิกแบบแรสเตอร์จะต้องกำหนดจำนวนพิกเซลให้กับภาพ ภาพที่มีจำนวนเม็ดสีมาก ๆ ภาพจะมีความละเอียดมาก สวยคมชัด ภาพที่มีจำนวนเม็ดสีน้อย เม็ดสีที่ประกอบเป็นภาพจะเรียงกันแบบห่าง ๆ และมองเห็นเม็ดสีในภาพแต่ละเม็ด ทำให้ภาพนั้นมีความหยาบ การกำหนดจำนวนพิกเซลบอกถึงความละเอียดของภาพ ดังนั้นหากภาพถูกกำหนดให้มีความละเอียด 1,200 ppi (ความละเอียด 1,200 เม็ดสีต่อตารางนิ้ว) จำนวนพิกเซลควรกำหนดให้เหมาะสมกับงานที่สร้าง เช่น ภาพสำหรับเว็บไซต์ เป็นภาพที่มีความละเอียดน้อยไฟล์ภาพควรกำหนดจำนวนพิกเซล ประมาณ 72 ppi เพื่อความสะดวกในการนำภาพอัพโหลด (Upload)ไฟล์ขึ้นเซิร์ฟเวอร์ ( Server) ได้รวดเร็ว ส่วนภาพสำหรับนิตยสาร ปกหนังสือ โปสเตอร์ขนาดใหญ่ และงานแบบพิมพ์กำหนดจำนวนพิกเซลประมาณ 300-350 ppi เนื่องจากต้องการภาพที่มีความละเอียดมาก ทำให้ภาพสวยสมจริง (ทิพาภรณ์ ประดู่. 2549:4)
คุณลักษณะของไฟล์ภาพกราฟิกแบบแรสเตอร์ เป็นไฟล์ภาพกราฟิกที่มีคุณลักษณะนามสกุลที่แตกต่างกันตามรูปแบบการสร้างภาพจากโปรแกรมสำเร็จรูปต่างๆ ดังนี้
นามสกุล
ที่ใช้เก็บไฟล์
ไฟล์ภาพกราฟิกที่ติดตั้งโปรแกรม ACD see
ลักษณะงาน
ซอฟต์แวร์
ที่ใช้สร้าง
.JPG, .JPEG, .JPE
.GIF
ใช้สำหรับรูปภาพทั่วไป เหมาะกับงานที่ไม่ต้องการความละเอียดสีไม่มาก งานเว็บเพจ และงานที่มีความจำกัดในด้านพื้นที่หน่วยความจำ
Photoshop
Paint ShopPro Illustrator
.TIFF, .TIF
เหมาะสำหรับงานด้านนิตยสาร
ปกหนังสือ เพราะมีความละเอียดของภาพสูง
Photoshop
.BMP, .DIB
ไฟล์มาตรฐานของระบบปฏิบัติการวินโดวส์
Paint ShopPro
Paint
.PCX
เป็นไฟล์ดั้งเดิมของโปรแกรมแก้ไขภาพแบบบิตแมป ไม่มีโมเดลเกรย์
สเกล ใช้กับภาพทั่วไป
CorelDraw, Illustrator, Paintbrush
.PNG
เป็นไฟล์ที่รวมเอาคุณสมบัติของไฟล์นามสกุล GIF และJPEG เข้าด้วยกัน สามารถบีบอัดไฟล์ภาพให้เล็กลงได้มากกว่า GIF ถึง 30% แต่ก็ยังแสดงสีได้เหมือนกับ JPEG นอกจากนี้ยังบันทึกไฟล์แบบพื้นหลังทะลุ(Transparency)
Photoshop
1.4.2 ภาพกราฟิกแบบเวคเตอร์ (Vector) ภาพกราฟิกเวกเตอร์ (Vector Graphics) เป็นภาพที่สร้างด้วยส่วนประกอบของเส้นลักษณะต่างๆ และคุณสมบัติเกี่ยวกับสีของเส้นนั้น ๆ ซึ่งสร้างจากการคำนวณทางคณิตศาสตร์ เช่น ภาพถ่ายของคน จะถูกสร้างด้วยจุดของเส้นหลายๆ จุด เป็นลักษณะของโครงร่าง (Outline) และสีของคนก็เกิดจากสีของเส้นโครงร่างนั้น ๆ กับพื้นที่ผิวภายใน เมื่อมีการแก้ไขภาพก็จะเป็นการแก้ไขคุณสมบัติของเส้นทำให้ภาพไม่สูญเสียความละเอียด ไฟล์ภาพมีขนาดไฟล์เล็กแต่อุปกรณ์ที่ใช้แสดงผลภาพ เช่น จอภาพคอมพิวเตอร์ หรือเครื่องพิมพ์ จะเป็นการแสดงผลภาพแบบเวคเตอร์ นิยมใช้เพื่องานสถาปัตยกรรมตกแต่งภายใน และด้านการออกแบบต่างๆ เช่น การออกแบบรถยนต์ การออกแบบอาคาร การสร้างการ์ตูน ซึ่งโปรแกรมที่นิยมใช้สร้างภาพกราฟิกแบบเวคเตอร์ เช่น โปรแกรม Illustrator CorelDraw 3Ds และMax ภาพกราฟิกแบบเวคเตอร์เมื่อปรับขยายใหญ่ขึ้นความละเอียดของภาพคงเดิมดังภาพ (http://krujuek.tp2p.com)
คุณลักษณะของไฟล์ภาพกราฟิกแบบเวคเตอร์ การเก็บไฟล์ภาพกราฟิกแบบเวคเตอร์ มีหลายนามสกุล โดยผู้ใช้สามารถกำหนดได้ตามรูปแบบที่โปรแกรมกำหนด เช่น .EPS .WMF .CDR .AI .CGM .DRW .PLT ,DXF .PIC และ .PGL เป็นต้น ซึ่งลักษณะของไฟล์ภาพจะแตกต่างกันออกไป ดังนี้
นามสกุล
ที่ใช้เก็บไฟล์
คุณลักษณะของแฟ้ม
ภาพกราฟิกที่ติดตั้งโปรแกรม ACD see
ลักษณะงาน
ตัวอย่างซอฟต์แวร์
ที่ใช้สร้าง
.AI
.EPS
- ใช้สำหรับงานที่ต้องการความละเอียดของภาพมาก เช่น การสร้างการ์ตูน การสร้างโลโก้ และโปสเตอร์ขนาดใหญ่
- โปรแกรมที่ใช้สร้าง Illustrator
.WMF
- เป็นไฟล์มาตรฐานของโปรแกรม Microsoft Office
- โปรแกรมที่ใช้สร้างคือ CorelDraw
ตารางที่ 1.2 แสดงคุณลักษณะของไฟล์ภาพกราฟิกแบบเวคเตอร์
ที่มา : http://krujuek.tp2p.com/node/21
1.4 ความแตกต่างของกราฟิกแบบแรสเตอร์ กับแบบเวคเตอร์
ภาพกราฟิกแบบแรสเตอร์
ภาพกราฟิกแบบเวคเตอร์
1. เป็นภาพกราฟิกที่เกิดจากจุดสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ หลากหลายสี ที่เรียกว่า พิกเซล มาเรียงต่อกันจนเป็นรูปภาพ
1. ภาพถูกสร้างด้วยจุดของเส้นหลายๆ จุด เป็นลักษณะของโครงร่าง (Outline) และสีของภาพก็เกิดจากสีของเส้นโครงร่างนั้น ๆ กับพื้นที่ผิวภายใน
2. การขยายภาพให้มีขนาดใหญ่ขึ้น จะทำให้ความละเอียดของภาพลดลง จึงมองเห็นภาพเป็นจุดสี่เหลี่ยมเล็กๆ มีความหยาบ
2. เมื่อมีการแก้ไขภาพก็จะเป็นการแก้ไขคุณสมบัติของเส้นทำให้ภาพไม่สูญเสียความละเอียด ภาพจะยังคงมีความละเอียดชัดเจนเหมือนเดิม
3. การตกแต่งและแก้ไขภาพ สามารถทำได้ง่ายและสวยงาม เช่น การปรับสีผิวหน้า และผิวกายให้ขาวเนียนขึ้น
3. เหมาะกับงานออกแบบต่าง ๆ เช่น
งานสถาปัตย์ ออกแบบโลโก้ เป็นต้น
4. การประมวลผลภาพสามารถทำได้รวดเร็ว
4. การประมวลผลภาพจะใช้เวลานาน เนื่องจากใช้คำสั่งในการทำงานมาก
ตารางที่ 1.2 แสดงความแตกต่างของกราฟิกแบบแรสเตอร์ กับแบบเวคเตอร์
ที่มา : (ทิพาภรณ์ ประดู่. 2549:6)
1.5 หลักการใช้สีและแสงในคอมพิวเตอร์
จอภาพคอมพิวเตอร์สามารถแสดงผลของภาพในรูปแบบสีต่างๆ ซึ่งแบ่งหลักการใช้สีและแสดงในคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานด้านกราฟิกทั่วไปเป็นโหมด (Mode) สี 4 แบบ คือ
1.5.1 โหมดสีแบบ RGB Color
1.5.2 โหมดสีแบบ CMYK Color
1.5.3 โหมดสีแบบ HSB Color
1.5.4 โหมดสีแบบ LAB Color
1.5.1 โหมดสีแบบ RGB Color คือ โหมดสีปกติของภาพที่ใช้งานในโปรแกรมโฟโต้ช้อป ซึ่งภาพเหล่านี้ได้มาจากกล้องดิจิตอลเป็นส่วนใหญ่ ภาพที่มีโหมด RGB ประกอบด้วย แม่สี 3 สี คือ สีแดง (Red) สีเขียว (Green) และสีน้ำเงิน (Blue) เมื่อนำสีดังกล่าวมาผสมกันทำให้เกิดเป็นสีต่าง ๆ บนจอภาพคอมพิวเตอร์มากถึง 16.7 ล้านสี ซึ่งใกล้เคียงกับสีที่ตามนุษย์มองเห็นปกติ สีที่ได้จากการผสมสีนั้นขึ้นอยู่กับความเข้มของสี โดยถ้าสีมีความเข้มข้นมากเมื่อนำมาผสมกันจะทำให้เกิดเป็นสีขาว จึงเรียกระบบสีนี้ว่า การผสมสีแบบบวก ดังภาพ (ทิพพาภรณ์ ประดู่. 2549 : 7)
1.5.2 โหมดสีแบบ CMYK Color คือ ระบบสีที่ใช้กับเครื่องพิมพ์ที่พิมพ์ออกทางกระดาษหรือวัสดุผิวเรียบอื่น ๆ โดยภาพที่กำหนดโหมดสีแบบ CMYK จะมีสีค่อนข้างทึบเมื่อแสดงบนจอภาพ แต่เมื่อพิมพ์ออกทางเครื่องพิมพ์จะมีสีที่สดใสสวยงาม โหมดสี CMYK ประกอบด้วยสีหลัก 4 สี คือ สีฟ้า (Cyan) สีดำ (Black) สีม่วงแดง (Magenta) และสีเหลือง (Yellow) เมื่อนำมาผสมกันจะเกิดสีเป็นสีดำแต่จะไม่ดำสนิท เนื่องจากหมึกพิมพ์มีความไม่บริสุทธิ์จึงเป็นการผสมสีแบบลบ (Subtractive) หลักการเกิดสีของระบบนี้คือ หมึกสีหนึ่งจะดูดกลืนแสงจากสีหนึ่งแล้วสะท้อนกลับออกมาเป็นสีต่างๆ เช่น สีฟ้าดูดกลืนแสงของสีม่วงแล้วสะท้อนออกมาเป็นสีน้ำเงิน จะสังเกตเห็นได้ว่าสีที่สะท้อนออกมาจะเป็นสีหลักของโหมดสีแบบ RGB การเกิดสีนี้ แบบสีจึงตรงข้ามกับการเกิดสีในแบบ RGB (ทิพพาภรณ์ ประดู่ . 2549 : 7) ดังภาพ
1.5.3 โหมดสีแบบ HSB Color สีส่วนใหญ่ที่มองเห็นจะมีระดับความเข้มข้นที่แตกต่างกัน ซึ่งสายตามนุษย์สามารถแยกออกได้ เป็น 3 ลักษณะ คือ
Hue คือสีต่าง ๆ ที่สะท้อนออกมาจากวัตถุแล้วเข้าสู่สายตามนุษย์ ซึ่งมักเรียกสีตามชื่อสี เช่น สีเขียว สีแดง สีเหลือง เป็นต้น
Saturation คือค่าความสดของสี โดยค่าความสดของสีจะเริ่มที่ 0 ถึง 100 ถ้ากำหนด
Saturation ที่ 0 สีจะมีความสดน้อย แต่ถ้ากำหนดที่ 100 สีจะมีความสดมาก
Brightness คือระดับค่าความสว่างของสี โดยค่าความสว่างของสีจะเริ่มที่ 0 ถึง 100
ถ้ากำหนดที่ 0 ความสว่างจะน้อยซึ่งจะเป็นสีดำ แต่ถ้ากำหนดที่ 100 สีจะมีความสว่างมากที่สุด
1.5.4 โหมดสีแบบ LAB Color โหมดสีแบบ Lab Color เป็นโหมดสีที่มีช่วงความกว้างในการแสดงสีได้สูงที่สุดเทียบเท่ากับสีดวงตาของมนุษย์สามารถรับได้ โดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ
“L” หรือ Luminance เป็นการกำหนดค่าความสว่าง ซึ่งมีค่าตั้งแต่ 1 ถึง 100
ถ้ากำหนดที่ 0 จะกลายเป็นสีดำ แต่ถ้ากำหนดที่ 100 จะกลายเป็นสีขาว
“A” เป็นค่าของสีที่ไล่จากสีเขียวไปสีแดง
“B” เป็นค่าของสีที่ไล่จากสีน้ำเงินไปสีเหลือง (ทิพพาภรณ์ ประดู่. 2549 : 7-8)
1.6 ระบบคอมพิวเตอร์สำหรับงานกราฟิกทั่วไป
ระบบคอมพิวเตอร์สำหรับงานกราฟิกนั้นต้องการอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพ เพื่อการประมวลผลรวดเร็วระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งควรจะมีลักษณะ (specification) ดังนี้
1.6.1 หน่วยประมวลผลกลาง (Central Processing Unit : CPU) ที่ทำงานรวดเร็ว เนื่องจากโปรแกรมกราฟิกต้องการการคำนวณจำนวนมาก หน่วยประมวลผลกลางที่ประมวลผลรวดเร็วจะทำให้การตอบสนองคำสั่งเป็นไปอย่างรวดเร็ว
1.6.2 หน่วยความจำที่มีความจุมาก โปรแกรมสำเร็จรูปด้านกราฟิกประมวลผลกับข้อมูลจำนวมาก จึงควรเลือกอุปกรณ์หน่วยความจำที่มีความจุมาก ถ้าอุปกรณ์หน่วยความจำมีความจุน้อยเกินไปทำให้โปรแกรมประมวลผลการทำงานช้า หรือไม่ประมวลผลเลย เนื่องจากหน่วยความจำไม่เพียงพอต่อการประมวลผลข้อมูล
1.6.3 แผงวงจรแสดงผลที่มีประสิทธิภาพ และมีหน่วยความจำจำนวนมาก เพื่อการมองเห็นเสมือนจริงมากที่สุดต้องเลือกแผงวงจรแสดงผลที่มีประสิทธิภาพ และมีหน่วยความจำจำนวนมากพอเนื่องจากอุปกรณ์แสดงผลทางจอภาพมีความละเอียดสูงจะแสดงจำนวนสีมาก และสามารถแสดงภาพได้ทุกรายละเอียดสีของภาพ
1.6.4 จอภาพที่มีความคมชัด และมีความละเอียดสูง จอภาพที่มีคุณภาพสามารถแสดงภาพ
ทางจอภาพได้ความคมชัดสมจริง และสั่นไหวน้อย หรือไม่สั่นไหว ซึ่งจะช่วยรักษาสุขภาพทางตาของผู้ใช้งาน (เกียรติพงษ์ บุญจิตร. 2552 :14)
1.8 คอมพิวเตอร์กราฟิกกับการประยุกต์ใช้ในงานด้านต่าง ๆ
คอมพิวเตอร์กราฟิกในปัจจุบันมีการพัฒนาทางด้านการใช้เทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว และมีการนำคอมพิวเตอร์มาพัฒนาในเรื่องของการสื่อสารให้มีสีสันสวยงาม สมจริงเสมือนการจำลองเหตุการณ์ เพื่อดึงดูดสายตาผู้พบเห็น หรือเพื่อการแข่งขันการแสดงสินค้า ซึ่งแบ่งภาพกราฟิกตามลักษณะการใช้งานในแต่ละด้านได้ดังนี้ (ทิพาภรณ์ ประดู่. 2549:10)
1.8.1 กราฟิกด้านการออกแบบ คอมพิวเตอร์กราฟิกได้ถูกนำมาใช้ในการออกแบบมาเป็น
เวลานาน เราคงจะเคยได้ยินคำว่า CAD (Computer - Aided Design) ซึ่งเป็นโปรแกรมสำหรับช่วยในการออกแบบทางวิศวกรรม โปรแกรมเหล่านี้จะช่วยให้ผู้ออกแบบ หรือวิศวกรออกแบบงานต่างๆ ได้สะดวกขึ้น กล่าวคือ ผู้ออกแบบสามารถเขียนเป็นแบบลายเส้นแล้วลงสี แสงเงา เพื่อให้ดูคล้ายกับของจริงได้ และผู้ออกแบบสามารถกำหนดขนาดของวัตถุลงในระบบ CAD โดยสามารถย่อ หรือขยายภาพ หมุนภาพไปในมุมต่างๆ การแก้ไขแบบก็ทำได้ง่าย และสะดวกกว่าการออกแบบบนกระดาษ
1.8.2 กราฟิกกับงานด้านโฆษณา ปัจจุบันในการโฆษณาสินค้าต่างๆ ได้นำภาพกราฟิกเข้าช่วยในการโฆษณา เพื่อเพิ่มความน่าสนใจของสินค้าต่อผู้บริโภค เช่น ภาพสำหรับการโฆษณา เราสามารถทำให้ภาพที่เห็นเหมือนภาพถ่ายนั้น แปลกออกไปจากเดิมได้ โดยมีภาพบางอย่างเพิ่มเข้าไปในภาพ หรือบางส่วนของภาพนั้นหายไป ทำให้เกิดภาพที่ไม่น่าจะเป็นจริงแต่ดูเหมือนกับเกิดขึ้นจริงเช่น การนำการ์ตูนมาโฆษณาขายสินค้าสำหรับเด็ก, ป้ายโฆษณาโทรศัพท์, ป้ายโฆษณารถยนต์ และป้ายหน้าร้านค้าตามแหล่งชุมชนต่าง ๆ
1.8.3 กราฟิกกับงานด้านการนำเสนอ เป็นการสื่อสารด้วยศิลปะระหว่าง ผู้สร้าง กับ ผู้รับ (ผู้ดู ผู้เห็น) ดังนั้นภาพกราฟิก จึงเข้ามาช่วยเพิ่มความเข้าใจให้กับผู้รับสาร เพื่อให้เข้าใจง่ายมากยิ่งขึ้น เช่น แผนภาพแสดงการเงิน สถิติ และข้อมูลทางเศรษฐกิจ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้บริหาร หรือผู้จัดการกิจการต่างๆ มากขึ้น เนื่องจากสามารถทำความเข้าใจกับข้อมูลได้ง่าย และรวดเร็วกว่าเดิม โดยในกลุ่มงานการวิจัยต่างๆ เช่น การศึกษาทางฟิสิกส์ กราฟ และแผนภาพมีส่วนช่วยให้นักวิจัยทำความเข้าใจกับข้อมูลได้ง่ายขึ้น เมื่อข้อมูลที่ต้องวิเคราะห์มีจำนวนมาก
1.8.4 คอมพิวเตอร์กราฟิกกับงานด้านเว็บเพจ ธุรกิจเกี่ยวกับการสร้างเว็บเพจให้กับบริษัทหรือหน่วยงานต่างๆ ได้นำคอมพิวเตอร์กราฟิกเข้ามาช่วยในการสร้างเว็บเพจ เพื่อให้เว็บเพจมีความสวยงาม และสร้างภาพเคลื่อนไหว เพิ่มความน่าสนใจมากขึ้น